ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา หรือคนทำงาน เพื่อน ๆ คงคุ้นเคยกับการใช้งานเครื่องพิมพ์กันอยู่แล้วใช่ไหมคะ สำหรับวันนี้ใครที่กำลังมองหาเครื่องพิมพ์เครื่องใหม่ที่ราคาไม่แพง บำรุงรักษาง่าย ใช้พิมพ์งานได้หลากหลาย ทั้งเอกสาร, ภาพถ่าย และการ์ดต่าง ๆ “เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท” เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณค่ะ
ปัจจุบันก็มีเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทหลายยี่ห้อ และแต่ละรุ่นยังมีคุณสมบัติที่ต่างกันไป บางรุ่นมีฟังก์ชันที่น่าสนใจ อย่างการถ่ายเอกสารและสแกนด้วยนะคะ อีกทั้งบางรุ่นยังสามารถพิมพ์แบบไร้สาย ทำให้การพิมพ์ของคุณสะดวกสบายยิ่งขึ้น แต่เพื่อน ๆ ไม่ต้องกังวลไปนะคะว่าไม่รู้จะเลือกซื้อยี่ห้อไหนดี เพราะวันนี้เราจะแนะนำวิธีการเลือกซื้อเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท พร้อมทั้ง 10 อันดับ เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่สามารถซื้อออนไลน์ได้ ไปดูกันเลยค่ะ!
เราขอแนะนำวิธีการเลือกซื้อเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทกันก่อนนะคะ เพื่อให้เพื่อน ๆ เลือกซื้อเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด มาดูกันเลยค่ะ ว่ามีอะไรที่ต้องพิจารณาก่อนซื้อบ้าง
เริ่มต้นกันที่ลักษณะการใช้งาน สำหรับเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทนั้น แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทธรรมดา ใช้สำหรับพิมพ์งานเอกสาร พิมพ์รูปภาพ หรือการ์ดต่าง ๆ ซึ่งสามารถพิมพ์ได้ทั้งแบบขาวดำและแบบสี เหมาะสำหรับใครที่ต้องการแค่งานพิมพ์เท่านั้นค่ะ อีกทั้งเครื่องพิมพ์ประเภทนี้ยังมีราคาถูกอีกด้วย
ส่วนเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท All In One นอกจากพิมพ์ได้เช่นเดียวกับประเภทธรรมดาแล้ว ยังมีฟังก์ชันการใช้งานอื่น ๆ เพิ่มเติม อย่างการถ่ายเอกสารและสแกนด้วย ปัจจุบันเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท All In One ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถใช้งานได้อย่างครบครัน และราคาจับต้องได้ค่ะ
การเลือกจำนวนสีหมึกควรเลือกตามสิ่งที่พิมพ์ โดยทั่วไปเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทจะมีจำนวนสีหมึกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ ฟ้า (CYAN), ม่วงแดง (MAGENTA), เหลือง (YELLOW), และดำ (BLACK) หรือที่เรียกว่า CMYK ซึ่งก็เพียงพอสำหรับการพิมพ์งานเอกสารและภาพถ่าย เหมาะสำหรับใช้ในบ้านหรือออฟฟิศขนาดเล็ก
หากคุณต้องการพิมพ์ภาพที่มีสีสันสดใสและรายละเอียดที่มากขึ้น เราขอแนะนำให้เลือกจำนวนสีหมึก 5 สีหรือมากกว่านั้น เช่น แบรนด์ Epson มีบางรุ่นที่มีจำนวนสีหมึก 6 สี ได้แก่ สีพื้นฐาน 4 สี และเพิ่มเติมด้วยหมึกสีฟ้าอ่อน (LIGHT CYAN) และชมพู (LIGHT MAGENTA) ในขณะที่แบรนด์ Canon ก็มีสีเพิ่มเติมเช่นกัน ได้แก่ Photocyan, Photomagenta และสีเทา จำนวนสีเพิ่มเติมนี้จะทำให้การพิมพ์ภาพของคุณได้เฉดสีที่สวยสมจริงค่ะ
และหากคุณต้องการพิมพ์เอกสารก็สามารถเลือกประเภทขาวดำที่มีเพียงสีเดียว โดยหมึก Hybrid แบ่งออกเป็นสีดำสำหรับงานเอกสาร (หมึกเม็ดสี) และสีดำสำหรับรูปถ่าย (หมึกสีย้อม) ช่วยให้งานพิมพ์เอกสารของคุณคมชัดตามที่ต้องการค่ะ
หมึกควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงานพิมพ์นะคะ สำหรับเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทจะมีหมึกด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่ “หมึกสีย้อม”, “หมึกเม็ดสี” และ”หมึก Hybrid” ที่ใช้ทั้งหมึกสีย้อมและหมึกเม็ดสี
หมึกสีย้อม (Dye – Based Ink) เป็นหมึกที่ละลายน้ำได้ เมื่อพิมพ์แล้วจะซึมลงเนื้อกระดาษได้ดี ได้งานพิมพ์มีความคมชัด สีสันสวยงาม หากใช้พิมพ์ลงบนกระดาษมันจะยิ่งเพิ่มความมันวาว ทำให้กับงานพิมพ์สวยยิ่งขึ้นและราคาไม่แพง หมึกสีย้อมจึงเหมาะสมสำหรับงานพิมพ์รูปหรือภาพถ่ายค่ะ แต่หมึกประเภทนี้มีข้อจำกัดตรงที่สีสามารถละลายน้ำได้ หากงานพิมพ์ของคุณโดดน้ำก็จะเลอะเทอะได้ และหากโดนแสงแดดจัดก็จะซีดจางลงได้เช่นกันค่ะ
หมึกเม็ดสี (Pigment – Based Ink) เป็นเม็ดสีอนุภาคใหญ่ เมื่อพิมพ์แล้วจะจับตัวแน่นบนพื้นผิวกระดาษ ได้งานพิมพ์ที่มีความคมชัดสูง เหมาะสำหรับงานพิมพ์เอกสารสำคัญ หรืองานที่ต้องการความคมชัดของตัวหนังสือ อีกทั้งหมึกเม็ดสีทนน้ำและแสงแดดด้วย ทำให้งานพิมพ์ของเพื่อน ๆ มีความคงทน หมึกประเภทนี้จะไม่สามารถให้สีสันที่สวยงามได้เท่ากับหมึกสีย้อม หากใครต้องการพิมพ์ภาพสีสันสดใส เราไม่แนะนำหมึกเม็ดสี ราคาหมึกเม็ดสีนั้นจะสูงกว่าหมึกสีย้อมเล็กน้อย
หมึก Hybrid เป็นระบบหมึกที่รวมหมึกสีย้อมและหมึกเม็ดสีไว้ด้วยกัน สำหรับเครื่องพิมพ์ที่มีระบบหมึก Hybrid นั้น จะประกอบด้วยตลับหมึกสีที่เป็นหมึกประเภทหมึกสีย้อม เหมาะสำหรับใช้พิมพ์ภาพสีสันสดใส มาพร้อมกับตลับหมึกสีดำที่เป็นหมึกประเภทหมึกเม็ดสี ซึ่งเหมาะกับการใช้พิมพ์เอกสารให้ความคมชัด ใช้ได้ทั้งงานเอกสารและงานพิมพ์ภาพได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเรซูเม่ การ์ดอวยพรในโอกาสต่าง ๆ รวมถึงโปสการ์ดที่สวยงามก็ย่อมทำได้
ต่อมาสิ่งที่เพื่อนๆ ควรพิจารณาคือประเภทของตลับหมึก เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทจะมีตลับหมึก 2 แบบ ได้แก่ ตลับหมึกแบบรวมสี และแบบแยกสี
สำหรับตลับหมึกแบบแยกสี หนึ่งตลับจะมีเพียงหนึ่งสีเท่านั้น จำนวนสีของบางยี่ห้ออาจแตกต่างกันไป เพื่อน ๆ สามารถเปลี่ยนตลับเฉพาะสีที่หมดแล้วได้ ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนตลับหมึกสีทั้งหมด เหมาะสำหรับคนที่ใช้งานพิมพ์เอกสารสีดำจำนวนมาก นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มักใช้สีเฉพาะ ซึ่งราคาของตลับหมึกแบบแยกสีก็ถูกกว่าตลับหมึกแบบรวมสี
เครื่องพิมพ์ที่มีตลับแบบรวมสี จะมี 2 ตลับหมึกแยกกัน ได้แก่ ตลับหมึกสีดำ และตลับหมึกรวมสี สำหรับตลับหมึกรวมสีนี้จะรวมไว้ด้วยกัน 3 สี เพื่อน ๆ จะไม่สามารถเปลี่ยนตลับหมึกสีเพียงสีใดสีหนึ่งที่หมดได้ หากมีปัญหาการอุดตันของหมึกเกิดขึ้น ก็สามารถแก้ไขได้ง่ายโดยการเปลี่ยนตลับหมึกค่ะ ตลับหมึกแบบนี้จะมาพร้อมกับเครื่องพิมพ์ขนาดเล็กที่ราคาไม่แพง เหมาะสำหรับคนที่พิมพ์งานโดยมุ่งเน้นสีดำเป็นหลัก
สำหรับผู้ที่ใช้งานบ่อย หรือผู้ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับหมึกพิมพ์ เราขอแนะนำให้ใช้เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท รุ่นที่มี Ink Tank หรือ Eco-Tank ซึ่งก็คือขวดเติมหมึกนั่นเองค่ะ เมื่อหมึกหมดคุณสามารถเติมได้แทนการเปลี่ยนตลับหมึก ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมมาก แบรนด์ต่าง ๆ ได้ติดตั้ง Ink Tank มาให้จากโรงงานผลิต เพื่อน ๆ ก็สามารถเติมหมึกแต่ละสีที่หมดได้ด้วยตัวเอง
เหมาะสำหรับงานพิมพ์ปริมาณมาก แม้ว่าเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่มี Ink Tank มาด้วยจะมีราคาแพงกว่ารุุ่นอื่น ๆ แต่ก็คุ้มค่าสำหรับการใช้งานในระยะยาวค่ะ
เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทโดยพื้นฐานแล้วจะเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่านพอร์ท USB รวมถึงช่องเสียบการ์ด SD แต่ปัจจุบันหลายรุ่นยังสามารถสื่อสารและเชื่อมต่อไร้สายได้อีกด้วย เช่น Wi-Fi, NFC และอื่น ๆ ทำให้พิมพ์งานได้ทั้งจากคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน รวมถึงแท็บเล็ต
เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทรุ่นที่มีฟังก์ชัน Wi-Fiจะทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อและพิมพ์แบบไร้สาย เพียงสั่งการผ่านอุปกรณ์ที่มี Wi-Fi เครื่องพิมพ์ก็เริ่มพิมพ์ได้ทันที คุณไม่จำเป็นต้องลุกไปหาเครื่องพิมพ์แล้วต่อสายให้ยุ่งยาก เหมาะสำหรับเพื่อน ๆ ที่ใช้อุปกรณ์หลายเครื่องในการสั่งพิมพ์ หรือภายในบ้านที่มีหลายคนใช้เครื่องพิมพ์เดียวกัน ถือว่าสะดวกยิ่งขึ้น และด้วยฟังก์ชัน Wi-Fi Direct ที่ทำให้เครื่องพิมพ์สามารถสื่อสารกับอุปกรณ์อื่นโดยตรง ไม่จำเป็นต้องมีสาย LAN หรือจุดเชื่อมต่อ จึงเป็นอีกฟังก์ชันที่น่าสนใจทีเดียว
เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทรุ่นที่รองรับ NFC และ AirPrint มีประโยชน์สำหรับการพิมพ์จากสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เพราะสามารถส่งข้อมูลโดยตรงจากอุปกรณ์นั้น ๆ เพียงแค่เปิดใช้งาน NFC (Near Field Communication) ส่วนสาวก Apple ที่ใช้ iPhone, iPad หรือ iPod touch ก็สามารถพิมพ์ไร้สายโดยเปิดใช้งาน AirPrint ได้เช่นเดียวกัน ง่ายและสะดวกมาก
เลือกเครื่องพิมพ์ที่มีความละเอียดสูงเมื่อต้องการพิมพ์ภาพขนาดใหญ่หรือโปสเตอร์ โดยวัดค่าความละเอียดเป็นหน่วย dpi หรือ Dots Per Inch เป็นจำนวนจุดต่อพื้นที่ 1 ตารางนิ้ว ซึ่งยิ่งจำนวนจุดมีมากเท่าไหร่ ความคมชัดของรูปภาพก็จะมีมากยิ่งขึ้น โดยทั่วไปเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสามารถพิมพ์ภาพต่าง ๆ ได้คมชัด ด้วยความละเอียด 300-400 dpi ซึ่งเครื่องพิมพ์ที่มีขนาดเล็กก็สามารถพิมพ์ความละเอียดดังกล่าวได้แล้ว แต่หากเพื่อน ๆ ต้องการพิมพ์ภาพสวยงามที่ขนาดใหญ่ขึ้นและต้องการความคมชัดมากยิ่งขึ้น ก็ควรพิจารณาเครื่องพิมพ์ที่มีความละเอียดสูงขึ้น
หากใครต้องการใช้งานพิมพ์จำนวนมาก เราขอแนะนำรุ่นที่มีความเร็วสูง สำหรับเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ททั่วไปนั้นมีความเร็วเฉลี่ยสำหรับงานพิมพ์ขาวดำ ประมาณ 20-22 ppm (Page Per Minute) และงานพิมพ์สี 15-17 ppm แต่ปัจจุบันยังมีหน่วย ipm (Image Per Minute)สำหรับเครื่องพิมพ์ที่สามารถถ่ายเอกสารและสแกน ถึงอย่างไรก็ตาม เพื่อน ๆ ต้องเปรียบเทียบหน่วยวัดความเร็วในการพิมพ์อย่างรอบคอบ เพราะยิ่งรุ่นที่มีความเร็วสูงมากเท่าไร ก็มีราคาที่สูงขึ้นเท่านั้น หากคุณต้องการงานพิมพ์เอกสารจำนวนมากเพื่อนำเสนอ หรือพิมพ์ภาพสวยงามในเวลารวดเร็ว เราขอแนะนำเครื่องพิมพ์รุ่นที่มีความเร็วสูงค่ะ
มาถึง 10 อันดับที่ทุกคนรอคอยนะคะ ซึ่งเราจะแนะนำทั้งคุณสมบัติ และฟังก์ชันต่าง ๆ โดยอ้างอิงจากวิธีการเลือกด้านบนที่เราได้แนะนำกันไปแล้ว มาดูกันเลยดีกว่าค่ะว่ามีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง!
มาเริ่มกันที่รุ่นนี้ค่ะ เป็นเครื่องพิมพ์ All In One รูปทรงสวย สีขาวสะอาดตา มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลดีไซน์ทันสมัย ใช้สำหรับงานพิมพ์, ถ่ายเอกสาร และสแกน ในเครื่องเดียว รุ่นนี้ใช้หมึกประเภทตลับแบบรวมสี ใช้งานง่าย ทำให้เพื่อน ๆ สามารถเปลี่ยนตลับหมึกได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันการเชื่อมต่อ Wi-Fi และ AirPrint เพื่อความสะดวกในการพิมพ์แบบไร้สาย ถือว่าคุณสมบัติคุ้มค่าในราคาไม่เกิน 3 พันค่ะ
รุ่นนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพิมพ์ภาพถ่ายค่ะ เนื่องจากสามารถพิมพ์ด้วยความละเอียดสูงถึง 5760 x 1440 dpi ให้งานพิมพ์มีความละเอียดสูง และมี Ink Tank แยกสี 6 สี ทำให้โทนสีกว้างขึ้นด้วย มั่นใจได้ว่าภาพถ่ายจะคมชัด สวยงาม มีชีวิตชีวา อีกทั้งมี Wi-Fi ภายในตัวเครื่อง ช่วยให้พิมพ์จากสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังสามารถพิมพ์ลงบนพื้นผิว CDs/DVDs โดยตรงได้อีกด้วยค่ะ คนที่รักงานพิมพ์ภาพถ่ายต้องถูกใจแน่ ๆ
สำหรับรุ่นนี้เป็นเครื่องพิมพ์สำหรับงานพิมพ์โดยเฉพาะอีกรุ่นหนึ่งค่ะ โดดเด่นที่มีความเร็วในการพิมพ์ภาพขาวดำ 8.8 ภาพต่อนาที และสำหรับภาพสี 5 ภาพต่อนาที ทำให้พิมพ์งานได้อย่างรวดเร็วทันใจ และมาพร้อมกับ Ink Tank แท้ขนาดใหญ่ สามารถเติมหมึกเฉพาะสีที่หมดได้ จึงเหมาะกับคนที่ต้องการพิมพ์งานปริมาณมาก เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทรุ่นนี้จะช่วยให้งานพิมพ์ภาพหรือเอกสารต่างๆ ของเพื่อน ๆ เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น เเละประหยัดมากขึ้น
รุ่นนี้เป็นเครื่องพิมพ์ All In One ที่สามารถพิมพ์งาน, ถ่ายเอกสาร และสแกนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดดเด่นที่มีช่องใส่กระดาษด้วยมือ (Bypass Tray) มาพร้อมกับ Auto Document Feeder ที่ช่วยทำสำเนาและสแกนหลายชุดได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง Fast mode ที่มีคุณสมบัติพิมพ์ด้วยความเร็วสูง ช่วยให้พิมพ์งานปริมาณมากได้ในเวลาอันรวดเร็ว และสะดวกสุด ๆ กับการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi Direct ที่สามารถพิมพ์โดยตรงจากอุปกรณ์ต่าง ๆ
อีกหนึ่งเครื่องพิมพ์ All In One ฟังก์ชันหลากหลาย สามารถพิมพ์, ถ่ายเอกสาร และสแกนด้วยความละเอียดสูงได้ เพื่องานที่คมชัด สมจริง จุดเด่นของรุ่นนี้คือ Ink Tank ดีไซน์พิเศษที่มีระบบป้องกันการรั่วไหลขณะเติม และปากขวดหมึกที่มีลักษณะเฉพาะสีหมึก ทำให้เพื่อน ๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาการเติมหมึกผิดสีค่ะ นอกจากนี้เพิ่มความสะดวกสบายด้วยการเชื่อมต่อแบบไร้สาย Wi-Fi และ Wi-Fi Derect ด้วยค่ะ
เครื่องพิมพ์สำหรับการใช้พิมพ์รุ่นนี้ มีดีไซน์ที่โดดเด่นสะดุดตา ด้วย Flat Black Surface หรือแผ่นรองถ่ายบนฝานั่นเองค่ะ ยังมีฟังก์ชันพิเศษ Smartphone Copy ซึ่งสามารถนำกระดาษมาวางบนแผ่นรองนี้ได้ และนำสมาร์ทโฟนของเพื่อน ๆ มาถ่ายรูปแทนการสแกนค่ะ นอกจากนี้ยังสะดวกสุด ๆ กับการสั่งพิมพ์แบบไร้สายผ่านทางฟีเจอร์ One Touch ที่ช่วยให้พิมพ์งานหรือถ่ายเอกสารจากสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย
เป็นอีกหนึ่งเครื่องพิมพ์ All In One คุณภาพดี รูปทรงไม่ใหญ่มาก ทำให้ประหยัดพื้นที่และเคลื่อนย้ายได้สะดวก ที่สำคัญยังประหยัดมากขึ้นด้วย Ink Tank ที่สามารถเติมหมึกได้ ลดต้นทุนการพิมพ์ อีกทั้งมีระบบป้องกันการรั่วซึมขณะเติมเช่นเดียวกับเครื่องพิมพ์ Epson รุ่นอื่น นอกจากนี้ยังโดดเด่นที่ความคมชัดสูง ทำให้งานพิมพ์ที่มีความละเอียดถึง 5760 dpi คนที่ต้องการเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์ รุ่นนี้ตอบโจทย์เลยค่ะ เพราะพิมพ์แบบไร้สายได้
เป็นอีกรุ่นจากแบรนด์ HP ที่โดดเด่นด้วยขนาดที่เล็กกะทัดรัดและยังมีรูปทรงทันสมัย ถูกออกแบบมาให้ประหยัดพื้นและง่ายต่อการติดตั้ง ถึงแม้ว่ารุ่นนี้ใช้สำหรับการพิมพ์เท่านั้นแต่ก็สามารถผลิตงานพิมพ์ที่มีคุณภาพได้ ตัวเครื่องมาพร้อมกับตลับหมึกแบบรวมสี เพื่อน ๆ สามารถเปลี่ยนตลับหมึกได้ง่ายด้วยตนเอง ไม่ต้องกังวลเรื่องการบำรุงรักษาเลยค่ะ สำหรับรุ่นนี้ยังประหยัดพลังงานด้วย แถมราคายังย่อมเยาจึงทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากค่ะ
อีกหนึ่งรุ่นจากแบรนด์ Brother ที่มีฟังก์ชันครบครันจริง ๆ ค่ะ ทำได้ทั้งพิมพ์งาน, ถ่ายเอกสาร หรือสแกน เพื่อน ๆ สามารถใช้งานได้สะดวกขึ้นด้วยหน้าจอแสดงผล LCD และยังมี Ink Tank แยกสีมาในตัวเครื่อง ประหยัดต้นทุนการพิมพ์ เหมาะสำหรับใครที่ต้องการพิมพ์งานปริมาณมาก ๆ เพราะรุ่นนี้มีถาดป้อนกระดาษด้านบนที่ป้อนอัตโนมัติได้สูงสุด 20 หน้าเลยทีเดียว สะดวกยิ่งกว่านั้นด้วยการเชื่อมต่อไร้สาย ทำให้เพื่อน ๆ สั่งงานจากสมาร์ทโฟนได้อย่างง่าย ๆ เลยค่ะ
มาถึงอันดับหนึ่งที่หลาย ๆ คนรอคอยกันค่ะ รุ่นนี้เป็นเครื่องพิมพ์ All In One ที่ได้รับการขนานนามว่า ‘แท็งก์แท้ตัวท็อป’ เนื่องจาก Ink Tank แยกสีที่ติดตั้งอย่างดีจากโรงงาน เติมหมึกได้ง่ายเพราะแยกสีอย่างชัดเจน อีกทั้งยังพิมพ์สีดำด้วยหมึกแบบเม็ดสีทำให้งานพิมพ์กันน้ำได้ นอกจากนี้เพื่อน ๆ จะได้งานพิมพ์คุณภาพยอดเยี่ยมในเวลาอันรวดเร็ว เพราะรุ่นนี้สามารถพิมพ์ด้วยความละเอียดสูงและความเร็วที่สูงค่ะ และยังสะดวกด้วยหน้าจอแสดงผล LCD มีปุ่มกดง่าย ไม่ว่าจะงานพิมพ์, ถ่ายเอกสาร หรือสแกนก็ลงตัวสำหรับทุกการใช้งาน เรียกได้ว่าคุ้มค่าอย่างมืออาชีพจริง ๆ ค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับวิธีการเลือกซื้อและ 10 อันดับเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่เราแนะนำไปแล้วนั้น เพื่อน ๆ มีรุ่นไหนที่เล็งไว้บ้างไหมคะ หรือว่าใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ ก็ลองเลือกชมและเปรียบเทียบคุณสมบัติของแต่ละรุ่นก่อน ทั้งลักษณะการใช้งาน, จำนวนสีหมึก, ประเภทของหมึกและตลับ, ความละเอียด, ความเร็วในการพิมพ์ รวมถึงการเชื่อมต่อด้วยนะคะ ถ้าเพื่อน ๆ ตัดสินใจได้แล้วก็กดสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลา สะดวกสุด ๆ ไปเลยค่ะ
เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ และทำให้เพื่อน ๆ สามารถเปรียบเทียบคุณสมบัติต่าง ๆ เพื่อเลือกซื้อเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่ถูกใจและตรงกับความต้องการของเพื่อน ๆ มากที่สุดค่ะ สำหรับวันนี้เราขอลาไปก่อนนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ